หลังจากทีม ‘ไก่เดือยทอง’ ทำการปลดปอเซตติโน่ และท่ามกลางข่าวลือตัวเต็งมากมายที่จะเข้ามากุมบังเหียน ‘ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์’ ทีมแกร่งฟอร์มตกจากลอนดอน ก็ได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า บุคคลที่จะก้าวเข้ามารับเผือกร้อนนี้ต่อจากปอเซตติโน่นั้น ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน เป็นคนที่คุ้นเคยกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีคเป็นอย่างดี ‘โจเซ่ มูรินโญ่’ นั่นเอง
โดยส่วนตัวมูรินโญ่นั้น เพิ่งถูกทีมยักษ์หลับอย่าง ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปลดไปเมื่อสิ้นปี 2018 ที่ผ่านมาและรับจ๊อบเสริมก๊อกๆแก๊กๆไปเรื่อย อย่างการเป็นคอมเมนท์เตเตอร์ในเกมบิ๊กแมทช์ต่างๆ และมีข่าวลือมากมายว่ามีทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายทีม ตกเป็นข่าวจะดึงตัวเขาไปคุมทีม แต่แล้วก็เป็น ปอเซตติโน่ ที่ถูกสังเวยโดยบอร์ดบริหารของสเปอร์ จัดการปลดเซ่นผลงานย่ำแย่ ตั้งแต่ท้ายซีซั่นที่แล้ว
เรื่อยมาจนถึงเพียงแค่ 12 นัดแรก จนแฟนบอลทีมตัวเองยังร้องเห้ย แฟนบอลทีมอื่นยังร้องอ้าว เพราะทุกคนก็ต่างก็คิดว่าสเปอร์คงกลับมาได้ไม่ยากภายใต้น้ำมือของกุนซืออย่างพอร์ช แถมไปเอาโค้ชเจ้าพ่อทำทีมแตกอย่างมูรินโญ่มาแทนอีกด้วย ซึ่งมีการขุดอดีตกันขึ้นมานิดหน่อยในสมัยที่ยังคุมเชลซี มูรินโญ่เคยหล่นวาจาเอาไว้ว่า ไม่สามารถย้ายไปคุมสเปอร์ได้เนื่องจากความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับแฟนเชลซี เพราะทั้งเชลซีและสเปอร์ต่างเป็นอริซึ่งกันและกันในลอนดอน ด้วยความสำเร็จกับถ้วยรางวัลกว่า 25 ใบ และประสบการณ์การคุมทีมอีกหลายประเทศทั่วโลก สเปอร์จึงตัดสินใจยื่นสัญญาระยะยาวให้ 4 ปี พร้อมด้วยการส่งกุนซือชาวโปรตุกีส ขึ้นแท่นผู้จัดการทีมที่รับค่าเหนื่อยมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกด้วยสัญญา 15 ล้านปอนด์ต่อปี เป็นรองเพียง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เท่านั้น
โดยทางด้าน แดเนียล เลวีส์ หัวเรือใหญ่ของสเปอร์ ได้กล่าวต้อนรับถึงมูรินโญ่ว่า “เขามีประสบการณ์ล้ำค่า สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีม และเป็นเต้ยเรื่องการวางแท็กติก เขาเคยคว้าเกียรติยศกับทุกสโมสรที่เขาย้ายไปคุมทีม เราเชื่อว่าเขาจะนำพาพละกำลังและความเชื่อมั่นมาสู่ห้องแต่งตัว”
ด้านมูรินโญ่ก็ได้เปิดปากหนแรกกับการเดินทางครั้งใหม่นี้ว่า “ผมตื่นเต้นที่ได้ย้ายมาร่วมกับสโมสรที่มีมรดกประเพณีที่ยิ่งใหญ่และมีกองเชียร์ที่เต็มไปด้วยแพสชั่น คุณภาพของทั้งทีมชุดใหญ่และทีมเยาวชนนั้นทำให้ผมตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง การได้ร่วมงานกับนักฟุตบอลเหล่านี้คือสิ่งที่ดึงดูดผม”
แม้ว่าในการเซ็นสัญญาครั้งนี้ มูรินโญ่จะถูกสบประมาทจากหลายๆฝ่าย เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับทุกทีมที่เขาก่อเมื่อตอนคุมทีม และถูกปรามาสว่าหมดไฟ ไร้น้ำยา และด้วยสไตล์การทำทีมของตัวมูรินโญ่เอง แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับสไตล์ของทีมอย่างสเปอร์ แต่ก็อย่างว่า ลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่น่าว่าปีนี้ อาจได้เห็นมูรินโญ่ ชูถ้วยบิ๊กเอียร์ก็เป็นได้ …
Tags : ข่าวกีฬา